ค้นหาเพิ่มเติม

Custom Search

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รูปแบบธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจMLM

1. การหาสมาชิกและการดำเนินงานทั่วไปของธุรกิจขายตรงหลายชั้น (MLM)
ลักษณะการหาสมาชิกของธุรกิจ MLM การหาสมาชิกจะเริ่มจากการแนะนำสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยจะแนะนำให้ผู้มุ่งหวังได้ทดลองใช้สินค้าหรือซื้อสินค้าไปใช้ก่อน เช่น อาจจะซื้อสินค้าจากผู้แนะนำหรือสมัครเป็นสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าในรหัสของตัวเองเลยก็ได้ หลังจากซื้อสินค้ามาใช้เองแล้ว ถ้าเกิดใช้แล้วชอบประทับใจในตัวสินค้าก็จะซื้ออีกเป็นครั้งที่สอง หรือถ้าไปแนะนำให้คนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นญาติ, เพื่อน หรือคนรู้จักได้ใช้สินค้าเหมือนกันกับที่ตัวเองใช้อยู่ก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากทางบริษัท เรียกว่า "ค่าคอมมิสชั่น" หรืออาจจะเรียกวิธีการหาสมาชิกของธุรกิจ MLM ง่าย ๆ ว่า "ใช้ดีแล้วบอกต่อ" ซึ่งนั่นหมายถึง ตัวสินค้าต้องเป็นสินค้าที่ดีและมีคุณภาพจริง ๆ ตัวสินค้าต้องสามารถขายตัวมันเองได้ และที่สำคัญสินค้าต้องราคายุติธรรมสมกับคุณภาพจึงจะสามารถหาสมาชิกได้ง่าย อีกทั้งค่าสมัครเป็นสมาชิกของธุรกิจ MLM จะไม่แพงจนเกินไป คนทุกระดับสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ เพราะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ MLM ไม่มีความจำเป็นและไม่มีเหตุผลที่จะให้คนที่อยากจะซื้อสินค้ากับทางบริษัทต้องเสียเงินค่าสมัครแพง ๆ เพราะบริษัท MLM มีความต้องการที่จะขายสินค้ามากกว่าที่จะหากำไรจากค่าสมัครสมาชิก จะสังเกตเห็นได้ว่าการเป็นสมาชิกของธุรกิจขายตรงจะไม่ยุ่งยาก วุ่นวาย จะไม่มีการแนะนำให้คนที่จะเป็นสมาชิกต้องนำเงินมาลงทุนครั้งละมาก ๆ หรือไม่มีการแนะนำให้ผู้มุ่งหวังไปกู้เงิน ยืมเงิน เพื่อมาสมัครเป็นสมาชิก เพราะนั่นแสดงว่าบริษัทที่ทำอย่างนี้มีเจตนาที่จะระดมทุนหรือระดมเงิน เพื่อนำมาหมุนเวียนภายในบริษัท และนำเงินของสมาชิกใหม่มาจ่ายให้กับสมาชิกเก่าซึ่งผู้ที่เข้าสู่บริษัทลักษณะนี้มีอัตราการเสี่ยงสูงมาก เพราะอาจจะไม่ได้เงินคืน หรืออาจถูกหลอกลวงได้ง่าย และในที่สุดก็จะหาสมาชิกไม่ได้เลย

2. การดำเนินงานโดยทั่วไปของ MLM
คนที่อยากจะมีรายได้จากธุรกิจ MLM จะเน้นเอากำไรจากการขายแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องรู้จักการหาคนเพื่อเข้ามาเป็นสมาชิกในทีมงานของตนเองด้วยเพื่อที่จะได้มีรายได้ที่ต่อเนื่องและมั่นคง คนที่เข้าสู่ธุรกิจ MLM จะมีอยู่หลายกลุ่มหลายประเภท บางคนเข้ามาเพื่อเป็นเพียงผู้บริโภค เพื่อซื้อสินค้าใช้ บางคนเข้ามาเพื่อทำเป็นงานอดิเรกมีรายได้เสริมบ้างเล็กน้อย หรือบางคนเข้ามาเพื่อตั้งใจทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจังเพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว ซึ่งเมื่อเข้าสู่ธุรกิจ MLM แล้ว การดำเนินงานพอจะอธิบายได้โดยสังเขป ดังนี้ 1. การขาย คนที่เข้าสู่ธุรกิจขายตรงหลายชั้นหรือ MLM คงจะต้องเริ่มจากการขายหรือแนะนำตัวสินค้าให้ได้เสียก่อน เพราะถือเป็นการเปิดประตูด่านแรกที่จะทำให้คนได้รู้จักกับบริษัทและได้รู้จักกับธุรกิจ เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่สมาชิกของธุรกิจขายตรงจะต้องพยายามศึกษาข้อมูล และลักษณะเด่นต่าง ๆ ของสินค้า เพื่อที่จะแนะนำได้อย่างถูกต้อง โดยยึดหลักจรรยาบรรณที่ว่า ไม่ต้องพูดโอ้อวดสรรพคุณของสินค้าเกินความเป็นจริง แต่คนที่อยากจะมีรายได้จากธุรกิจ MLM จะเน้นเอากำไรจากการขายแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องรู้จักการหาคนเพื่อเข้ามาเป็นสมาชิกในทีมงานของตนเองด้วย เพื่อที่จะได้มีรายได้ที่ต่อเนื่องและมั่นคง 2. การขยายทีมงาน การขยายทีมงานหรือการชวนคนถือเป็นงานที่ต้องทำมากที่สุดเพราะธุรกิจ MLM รายได้ที่แท้จริง จะอยู่ที่การแนะนำคนให้ใช้สินค้าและสมัครเป็นสมาชิก เพราะฉะนั้นคนที่เข้าสู่ธุรกิจ MLM จะต้องพยายามชวนคนเข้าร่วมธุรกิจให้ได้มากที่สุดและแนะนำคนที่สมัครเป็นสมาชิกได้ใช้สินค้า เพื่อที่ว่าหากใช้สินค้าแล้วชอบก็จะสามารถซื้อใช้เองได้ในรหัสของตัวเอง และเมื่อไปแนะนำคนอื่น ๆ ให้ได้ใช้สินค้าตนเองก็จะมีรายได้ ธุรกิจนี้จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด 3. การบริหารสมาชิกในทีมงาน ต้องรู้จักพัฒนาศักยภาพของตนเองและของสมาชิกในทีมงานด้วย การพาสมาชิกเข้าประชุมเข้าร่วมอบรมกับทางบริษัทอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำความเข้าใจในตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ และรู้ถึงวิธีการที่นำพาทีมงานให้ประสบความสำเร็จ ที่สำคัญต้องดูแลให้ทีมงานเกิดความรัก ความสามัคคี และมีความสุข มีรายได้ที่ดีจากการเข้าสู่ธุรกิจ MLM

3. สินค้าในระบบขายตรง
โดยปกติสินค้าในระบบขายตรงที่ดีจะแยกแยะได้ชัดเจนจากธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมีสินค้าเป็นเพียงเครื่องมือในการระดมเงิน โดยสินค้าในธุรกิจหลอกลวงดังกล่าว มีลักษณะ
1. สรรพคุณของสินค้าจะเกินจริง ส่วนใหญ่แล้วสินค้าในกลุ่มที่สรรพคุณเกินจริง และขายได้ในราคาที่สูงมักจะใช้หมวดหมู่ของอาหารเพื่อสุขภาพเป็นเครื่องบังหน้า หรือมีบางส่วนเป็นเครื่องสำอาง เครื่องใช้เพื่อสุขภาพ มักกล่าวอ้างว่า บำบัดรักษาโรคต่าง ๆ ซึ่งเป็นโรครุนแรงเรื้อรัง วงการแพทย์ยังรักษาให้หายขาดไม่ได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคเอดส์ เบาหวาน อัมพาต อัมพฤกษ์ ลดน้ำหนักโดยไม่ต้องควบคุมอาหาร และตั้งราคาที่สูงจากสรรพคุณนั้น ๆ ได้
2. ต้นทุนกับราคาปลายทางไม่สมเหตุสมผล เช่น ต้นทุน 10 บาท ขาย 2,000 บาท ต้นทุน 100 บาท ขาย 3,000 บาท เป็นต้น เพราะธุรกิจเหล่านี้จะไม่ต้องการให้ลูกค้าคนเดิมมีการซื้อซ้ำในสินค้าตัวเดิม ต้องการใช้ซื้อเพียงครั้งแรกเท่านั้น เมื่อสรรพคุณไม่สมราคา ลูกค้าหรือผู้ได้ร่วมธุรกิจ จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 มีความชัดเจนในธุรกิจประเภทนี้ดี รับรู้แต่แรกว่าสินค้าเป็นเพียงเครื่องมือตั้งล่อเพื่อนำเงินมาต่อเงินเท่านั้น
กลุ่มที่ 2 เกิดความหลงผิด เชื่อว่าสรรพคุณของสินค้าเป็นเช่นนั้นจริง แต่เมื่อซื้อไปแล้วความเสียดายเงินบวกกับความโลภ จะทำให้ต้องตกกระไดพลอยโจนดำเนินธุรกิจต่อด้วยการไปหลอกคนอื่นให้เสียรู้ในลักษณะเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น